คนใช้ถนนช็อก เจอชายนิรนาม ผูกคอตาย ห้อยอยู่กับต้นไม้ข้างทาง
- Share:
พบศพชายนิรนาม อายุประมาณ 40 ปี ผูกคอเสียชีวิต ร่างห้อยอยู่กับต้นไม้ข้างทาง ริมถนนสายด่านขุนทด-หนองสรวง เร่งตามหาญาติ เพื่อไขสาเหตุ...
เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 8 ธ.ค. 61 พ.ต.ท.ชาญณรงค์ พรหมมา รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากพลเมืองดีว่า มีคนผูกคอตายใต้ต้นสะเดา ข้างถนนสายด่านขุนทด-หนองสรวง ระหว่างหลัก กม.9-10 ท้องที่บ้านพระหัวบึง หมู่ 2 ต.ด่านนอก จึงรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจากนั้นพร้อมด้วย พ.ต.ท.อรุณศักดิ์ วรรณโกษิตย์ รอง ผกก.สส. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายสืบจำนวนหนึ่ง และหน่วยกู้ภัยปริสุทฺโธ (ฮุก31 จุดด่านขุนทด) รีบรุดออกไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ บริเวณต้นสะเดาข้างทางหลวง 4 เลน สายด่านขุนทด-หนองสรวง ขาออกจาก อ.ด่านขุนทด ไม่มีใกล้บ้านเรือนประชาชน พบร่างของชายวัยประมาณ 40 ปี สวมเสื้อยืดแขนยาวสีเขียว กางเกงยีนส์สีดำ ใช้เชือกไนล่อนผูกคอกับกิ่งไม้ สูงประมาณ 4-5 เมตร ห้อยติดกับต้นสะเดา ท่ามกลางไทยมุงที่เดินทางผ่านมาพบเห็น จึงให้หน่วยกู้ภัยช่วยกันนำร่างผู้เสียชีวิตลงมาจกต้นไม้ในสภาพที่ตัวแข็งทื่อ สามารถจับยืนได้ ลำคอมีรอยเชือกรัดแน่น เขียวคล้ำ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3-4 ชม. ค้นในตัวไม่พบหลักฐานใดๆ ว่าผู้ตายเป็นใคร มาจากไหน ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ จึงให้นำศพผู้ตายส่ง รพ.ด่านขุนทด เพื่อพิสูจน์สาเหตุการตายที่แท้จริงอีกครั้งจากการสอบสวนเบื้องต้นไม่มีใครเคยรู้จักผู้ตายเลย ไม่ทราบว่าเป็นใครมาจากไหน เหตุใดจึงมาคิดสั้นผูกคอตายกลางดึกข้างทางเช่นนี้ จึงได้สั่งการให้พนักงานวิทยุศูนย์ปริสุทฺโธสอบถามไปยัง สภ.ข้างเคียงต่างๆ ว่ามีการแจ้งคนหายหรือไม่เบื้องต้นสันนิษฐานว่าอาจเป็นคนเร่ร่อน แต่ก็ไม่ทิ้งข้อสงสัยว่าอาจจะเป็นการฆาตกรรม หรือประชาชนที่มีญาติสูญหายและสงสัยว่าจะเป็นญาติของตนเอง สามารถสอบถามหรือดูศพได้ที่ รพ.ด่านขุนทด และจะได้สอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการต่อไป.
แหล่งที่มา https://www.thairath.co.th/content/1439930
ล่าตัวคนร้าย ฆ่าโหดเสี่ยร้านเฟอร์นิเจอร์ ตร.มุ่งปม ขัดแย้ง-ชิงทรัพย์!
- Share:
ตำรวจ ลงพื้นที่ไขคดีฆ่าโหดเสี่ยร้านขายเฟอร์นิเจอร์ ถูกมัดมือ-เท้า-คอ แทงเสียชีวิต หลังรวบ 2 ลูกจ้างเค้นสอบเข้ม ล่าสุดเชิญน้องสาวผู้ตายสอบปากคำแล้ว จนท.มุ่งปม ขัดแย้งส่วนตัว-ฆ่าชิงทรัพย์
จากกรณีพบศพ นายประยูร ปิติพงษ์พล อายุ 62 ปี เจ้าของร้านเฟอร์นิเจอร์ ย่านเทพประสิทธิ์ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ถูกมัดมือมัดเท้าและมัดบริเวณลำคอ นอนเสียชีวิตอยู่บนฟูก สภาพศพถูกมีดแทงเข้าที่กลางอกและต้นขาขวา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัว 2 ลูกจ้างประจำร้าน ไปสอบปากคำตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 7 ธ.ค.61 พล.ต.ต.ธัชชัย ปีตะนีละบุตร รอง ผบช.ภ.2 พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ ผกก.สตม.ชลบุรี พ.ต.ท.ปพนพัชน์ ใบยา รอง.ผกก.สส สภ.เมืองพัทยา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยพิสูจน์หลักฐานจังหวัดชลบุรี เดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ บริเวณร้านจ๋าเฟอร์นิเจอร์ ตั้งอยู่เลขที่ 300/15-16 ม.12 ถนนเทพประสิทธิ์ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อเก็บรวบรวมหลักฐานโดยละเอียด ตรวจสอบภาพวงจรปิดโดยรอบ และสอบปากคำพยานแวดล้อม รวมทั้งสอบปากคำ นางกชกร สกุลโชคไพรัช อายุ 50 ปี น้องสาวของผู้ตายโดย พล.ต.ต.ธัชชัย ปีตะนีละบุตร รอง ผบช.ภ.2 เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆ ทั้งก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ สันนิษฐานว่า คนร้ายก่อเหตุมากกว่า 1 คน เบื้องต้นได้ควบคุมตัวลูกจ้างทั้ง 2 ราย ไปสอบปากคำตั้งแต่เมื่อวานนี้ ส่วนชนวนเหตุมุ่งไปที่ 2 ประเด็นคือ ปัญหาความขัดแย้งส่วนตัว และการฆ่าชิงทรัพย์ เนื่องจากผู้ตายมีพฤติกรรมชอบเก็บทรัพย์สินของมีค่า และเงินสดจำนวนมากไว้ในตู้เซฟภายในห้องพัก ซึ่งจากการตรวจสอบตู้เซฟพบว่า มีร่องรอยการถูกงัดแงะพยายามที่จะเปิด แต่ไม่สามารถเปิดได้ นอกจากนี้จากภาพวงจรปิดพบว่า มีชายแปลกหน้า 2 ราย เข้าออกบริเวณที่เกิดเหตุในช่วงค่ำของวันที่ 5 คาดว่า เป็นบุคคลต้องสงสัย ซึ่งจะเกี่ยวกับลูกจ้างประจำร้านทั้ง 2 คนหรือไม่จะต้องตรวจสอบต่อไป
เผยผู้หญิงถูกคนใกล้ตัวฆ่า ชม.ละ 6 คน
- Share:
รายงานสหประชาชาติเนื่องในวันกำจัดความรุนแรงแก่สตรี (International Day for the Elimination of Violence against Women) เมื่อวันอาทิตย์ 25 พ.ย. สำนักงานสหประชาชาติว่าด้วยปัญหายาเสพติดและอาชญากรรม เปิดเผยสถิติเหตุฆาตกรรมสตรีทั่วโลกมากกว่าครึ่งหนึ่ง เกิดจากฝีมือคนรัก อดีตคนรักหรือบุคคลในครอบครัวตัวเอง ทั้งนี้ ข้อมูลคดีฆาตกรรมสตรีทั่วโลกเมื่อช่วงปีที่แล้ว 2560 พบคดีฆาตกรรมสตรี 87,000 คดี เหยื่อถูกสังหารโดยบุคคลใกล้ชิดมากกว่า 50,000 คดี หรือ 58 เปอร์เซ็นต์ เฉลี่ยชั่วโมงละ 6 ราย
ค่าเฉลี่ยคดีฆาตกรรมสตรีทั้งโลกอยู่ที่ราว 1.3 คน ต่อประชากร 100,000 คน แบ่งตามภูมิภาคมากที่สุดคือ แอฟริกา 3.1 ราย ต่อประชากร 1 แสนคน ตามด้วยภูมิภาคอเมริกา 1.6 ราย ภูมิภาคแถบหมู่เกาะโอเชียเนีย 1.3 ราย ภูมิภาคเอเชีย 0.9 ราย และน้อยที่สุดคือภูมิภาคยุโรป 0.7 ราย ต่อประชากร 1 แสนคน
แนวทางแก้ไขปัญหานี้สหประชาชาติกระตุ้นเรียกร้องถึงกระบวนการยุติธรรมและผู้รักษากฎหมายต้องเพิ่มความเข้มงวดปราบปรามยับยั้งปัญหา ส่วนภาคสาธารณสุข ภาคสังคมและภาคการศึกษา ต้องปลูกฝังค่านิยมและแนวคิดให้แก่เยาวชนตั้งแต่วัยเยาว์.
แหล่งที่มา https://www.thairath.co.th/content/1430650